คำว่า 'อุบากอง' เป็นชื่อนายทหารเอกของพม่า ซึ่งเข้ามาตีไทยในสมัยต้นรัชกาล กรุงรัตน โกสินทร์นี้เองมีประวัติที่ปรากฏในประวัติศาสตร์ดังนี้
อุบากอง เป็นนายทหารยศขุนพล ได้คุมกำลังเข้าโจมตี เมืองเชียงใหม่ เมื่อแรม ๑ ค่ำ เดือนห้า(๕) ปีมะเมีย พ.ศ.2340 คราวที่พระเจ้าปะดุง ยก 9 ทัพมาตีไทยนั่นเอง แต่ด้วยเหตุผลกลใดไม่ปรากฏ อุบากองถูกฝ่ายไทยจับกุมตัวได้ คราวนั้นพ่อเมืองเชียงใหม่ ได้คุมตัวอุบากองส่งลงมายังกรุงเทพฯ เมื่อขึ้น ๘ ค่ำ เดือนหก(6) ปีมะเมีย พ.ศ.2340 สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตน โกสินทร์ จึงสั่งให้สอบสวนอุบากองทันที ปรากฏว่า อุบากองเป็นคนไทย เกิดในเมืองไทย เพราะมีพ่อ เป็นเชื้อสายพม่า แต่แม่เป็นเชื้อสายคนไทยแถบเมืองธนบุรี พระองค์จึงทรงพระเมตตา พระราชทาน เสื้อผ้า และให้นำไปจำขังไว้ที่คุกวัดโพธาราม (วัดพระเชตุพนฯ ในปัจจุบัน)
ระหว่างที่อุบากองกับพวกถูกจองจำ คุมขังที่คุกวัดโพธิ์ เขาได้สอนตำรายันต์ยามยาตรา ให้กับ พรรคพวก ซึ่งยามนี้ สามารถแหกคุกที่คุมขังได้ เมื่อพรรคพวกสามารถเรียนยามยาตราได้ ตามที่ตนบอกแล้ว อุบากองก็ทำพิธีตามหลักโหราศาสตร์ พอได้ฤกษ์งามยามดี จึงสามารถพากัน แหกคุกวัดโพธิ์ หลบหนีไปได้อย่างปลอดภัย โดยอุบากองกับพรรคพวก พากันหลบหนีไปยังเมือง พม่าได้
แต่ยามที่อุบากองบอกกับพรรคพวกนี้นั้น บังเอิญมีนักโทษพม่า ที่เป็นเชื้อสายไทยบางคน ไม่ได้หลบหนีไปด้วย จึงบอกเล่ากับผู้คุมนักโทษ จึงมีการนำมาเล่าเรียนกัน และให้ชื่อยามยาตรานี้ว่า 'ยามอุบากอง' ตามชื่อเจ้าของยามยาตรานั่นเอง อนึ่ง ยามดังกล่าว ปรากฏว่า มีผู้นับถือว่า แม่นยำ ได้ผลจริงๆ ด้วย จึงศึกษาเล่าเรียนสืบๆ กัน มาตราบเท่าทุกวันนี้
ขั้นตอนแรก ดูที่วัน ก่อนว่าวันที่ต้องการดูวันอะไร อาทิตย์ จันทร์ อังคาร ... ต้องเป็นวันตามโบราณพม่า-ไทย หรือโหราศาสตร์ คือเริ่มวันใหม่เมื่ออาทิตย์ขี้น หรือเวลา 6.00น. แตกต่างจากสากลซึ่งเปลี่ยนวันตอนเที่ยงคืน ดูเพิ่มเติม การเปลี่ยนวันใหม่ การนับวันทางโหราศาสตร์ คือถ้าช่วงเวลากลางวันก็ใช้วันปรกตินั้นๆ ได้เลย แต่ถ้าช่วงหลังเที่ยงคืนถึงหกโมงเช้า ให้ย้อนไป 1 วันตั้งต้น เมื่อได้วันแล้วดูช่วงเวลา ที่ต้องการว่าเป็นช่วงไหนเปรียบเทียบในตาราง
เช่น วันจันทร์ ช่วงเวลา 09.00น. ดูช่องวันจันทร์ในตาราง ที่ตรงหรืออยู่ระหว่าง ช่วงเวลา 09.00น. ก็คือช่องในตารางช่วงเวลา สาย 08.25น. ถึง 10.48น. ในช่องมีค่า สี่ศูนย์ (จุดสีดำสีจุด) เมื่อได้แล้วก็ดูคำทำนาย 'สี่ศูนย์จะพูนผล แม้จรดลดีหนักหนา' ก็คือเวลาดี ทำการสำคัญได้ ... สำหรับช่วงวันเวลาอื่นๆก็หลักการวิธีเดินยามเหมือนกันครับ แต่ละวันจะมีช่วงเวลาดีคือ สองศูนย์ กับ สี่ศูนย์ จบสำหรับการเดินยามอุบากองแบบ ที่ 1
การเดินยามอุบากองแบบ ที่ 2 (ค่ำขึ้นแรม + เวลา)
การเดินยามแบบที่ 2 นี้ก็จะมี 2 แบบ แบบแรกเป็นแบบลูกครึ่ง ใช้วัน (เหมือนแบบแรก) ข้างขึ้นข้างแรม(ไม่ดูว่าแรมขึ้นกี่ค่ำ) และเวลา ส่วนตารางก็ใช้เหมือนเดิม แต่ข้างขึ้นข้างแรมช่วงเวลาดูกลับกัน คือข้างขึ้นเหมือนเดิม จากเช้าไปเย็น ส่วนข้างแรมกลับกัน เป็นจากเย็นไปเช้า ช่วงเวลาก็ตามกัน ซึ่งจริงๆดูตามรูป ยามอุบากอง 1 ได้เลย แต่ขออธิบายดังรูปด้านล่างน่าจะดูง่ายกว่า
เพิ่มเติม เรื่องช่วงเวลาจากตำราพรหมชาติ ซึ่งมีช่วงเวลาของยามต่างกัน ดังนี้ (ส่วนตัวจะใช้ช่วงเวลาแบบแรกเพราะรอบเวลาคงที่ 2 ชั่วโมง 24 นาที จาก 6 โมงเช้าก็บวกไปเรื่อยๆ)
เช้า 06.00น. ถึง 08.30น.
สาย 08.31น. ถึง 11น. กว่า
เที่ยง 11น. กว่า ถึง 12.59น.
บ่าย 13.00น. ถึง 13.30น.
เย็น 15.31น. ถึง 18.00น.
การเดินยามอุบากองแบบ ที่ 3 (ใช้ดิถีค่ำ + เวลา)
คลิ๊กรูปเพื่อดูรูปใหญ่/พิมพ์
การเดินยามอีกแบบ (แบบสุดท้าย) ใช้ดิถีค่ำ + เวลา รูปแบบนี้ถ้าดูดีๆ จะคล้ายกับแบบแรก เพียงแต่ตัด วันศุกร์และวันเสาร์ออก ซึ่งจะเหลือ 5 X 5 หรือ 25 ช่อง วิธีการเดินยามแบบนี้ จะใช้ดีถีค่ำ ข้างขึ้น ข้างแรม
เช่น ขึ้น ๗ ค่ำ เวลา 10:50น. วิธีนับคือ นับทีละช่อง เริ่มจาก ๑ ค่ำ ถึง ๕ ค่ำ ก่อน พอ ๖ ค่ำ ก็เริ่มที่ 1 ใหม่ ๗ ค่ำ ก็เริ่มที่ 2 วนเรื่อย ๆ จนถึง ค่ำที่ต้องการ ในที่นี่คือ ๗ ค่ำ ก็คือแถวที่ 2 จากนั้นมาดูช่วงเวลาแถวที่ 2 ว่าอยู่ช่วงใด ช่วง 10:50น. ตกกากบาท เวลาเที่ยง กากบาทตัวอัปรีย์ แม้จรลีจะอัปรา ก็คือไม่ดีห้ามทำการสำคัญ
ส่วนถ้าเป็น
เวลากลางคืน นับค่ำเหมือนเดิม แต่ช่วงเวลาดูกลับกัน คือกลางวันเหมือนเดิม จากเช้าไปเย็น กลางคืนก็กลับกัน เป็นจากเย็นไปเช้า ช่วงเวลาก็ตามกันดูตามรูป ยามอุบากอง 2 อาจงงๆ หน่อยหลายๆแบบกลับไปกลับมา
ค่ำหรือดิถี เท่าที่เห็นใช้มีอยู่ 3 แบบ (มีย่อยอีกแล้ว)
ดิถีแบบแรก ใช้ ค่ำ ข้างขึ้น ข้างแรม ตามปฏิทินจันทรคติไทย ซึ่งมีการทดวัน ทดเดือน และอาจมีคลาดเคลื่อนผิดจากตำแหน่งจันทร์จริงได้
ดิถีแบบที่สอง ใช้ดิถีโหรที่คำนวณจากตำแหน่งจันทร์จริง จากดิถีในปฏิทินโหราศาสตร์ ที่มีบอกดิถีตำแหน่งดาวที่ได้คำนวณไว้แล้ว
ดิถีแบบที่สาม ใช้ ค่ำ หรือวันที่ตามปฏิทินจีน ซึ่งค่อนข้างแม่นยำกับตำแหน่งจันทร์จริง ค่ำของปฏิทินจีน เริ่ม ตั้งแต่ 1 - 30 บางเดือนอาจมี 29 วัน ไม่มีขึ้นแรม ถ้ามีปฏิทินจีน หรือปฏิทิน 3 ภาษา ก็ดูตามรูปด้านล่างได้เลย เช่น วันที่ 1 กรกฎาคม ตรงวันพฤหัสบดี แรม ๕ ค่ำ เดือนแปด หรือ 20 ค่ำเดือนห้า ของจีน ประมาณนี้ ... ถ้าถามว่าแล้วเลือกดิถีแบบไหนดี ก็ต้องบอกว่าแล้วแต่สะดวกครับ มีปฏิทินอันไหนอยู่ในมือใช้อันนั้นก่อนได้
อีกเรื่องนึงที่อาจเกิดคำถาม แล้วข้างขึ้นข้างแรม ได้ใช้หรือเปล่า คือจริงๆขึ้นแรมนับจากจุดเริ่มต้นเดียวกัน (ปฏิทินจันทรคติไทย ขึ้น มีถึง 15 หารลงตัว ก็เริ่ม 1 ใหม่) ถ้าหากนับลัดก็ทำโดย เอาดิถีค่ำ หาร 5 ได้เท่าไหร่ก็ลงแถวนั้นได้เลย
เพิ่มเติมอีกนิดก่อนจบ ยามอุบากอง หรือ ยันต์อุบากอง แบบที่ 2 ผมยังไม่เคยเห็นแบบที่เป็นจัดพิมพ์ (อาจมี) แต่พอมีให้เห็นรูปเครื่องรางของขลังที่เกจิอาจารย์อยู่บ้าง เช่นดังรูปด้านล่าง
ยามอุบากองกรามช้างแกะ
หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว
รูปจาก taradpra.com
แผ่นไม้ ยันต์อุบากอง
หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม
รูปจาก twatkositaram.com
เต่ายามอุบากองไม้โพธิ์แกะ หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน
รูปจาก taradpra.com
... ขอจบเรื่องยามอุบากองเท่าที่ทราบเท่าที่ได้ศึกษา* ไว้เพียงเท่านี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่ายามอุบากองนี้จะได้รับการเผยแพร่สืบทอดต่อไป
* จริงๆ ยามอุบากองยังมีอีกส่วนนึงครับ เช่น ยามเขา ยามเรา การเดินยาม การกันการแก้ยามของฝ่ายตรงข้าม ซึ่งเป็นแบบเฉพาะ ผมยังไม่เคยศึกษาในรายละเอียดส่วนนั้น หากท่านใดทราบหรือมีตำราในส่วนที่นอกเหนือจากนี้ แนะนำมาได้ครับ , ขอบคุณครับ